ประกาศความเป็นส่วนตัวของผู้สมัครงาน และบุคลากร
(Privacy notice for job applicants and personnel)
บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จํากัด (มหาชน) (“บริษัท”) ได้มีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานปัจจุบัน อดีตพนักงาน กรรมการ ที่ปรึกษา ผู้บริหาร ผู้สมัครงาน นักศึกษาฝึกงานและบุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรของบริษัท (“ท่าน”) และเพื่อเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัทจึงได้ออกประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับบุคลากรฉบับนี้ โดยจัดทำขึ้นเพื่อชี้แจงรายละเอียดและวิธีการจัดการและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากท่าน รวมถึงชี้แจงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และส่งต่อ ตลอดจนระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวและสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้
ข้อ 1. คำนิยาม
“บริษัท” หมายถึง บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จํากัด (มหาชน)
“ท่าน” หมายถึง พนักงาน อดีตพนักงาน กรรมการ ผู้บริหาร ผู้สมัครงานและบุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรของบริษัท
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง
ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
“กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง และให้หมายความรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ในอนาคต
ข้อ 2. ช่องทางและแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัท โดยตรง: ท่านอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทโดยตรง เมื่อท่านแสดงเจตนาสมัครงานหรือสมัครฝึกงานกับบริษัท หรือเมื่อท่านติดต่อสอบถามข้อมูล หรือเมื่อท่านส่งใบสมัครที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมายังบริษัท หรือกรณีที่ท่านแลกบัตรเพื่อขอเข้าพื้นที่อาคาร
2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ: บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติ เช่น การจัดเก็บข้อมูลบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิด (Closed-circuit television: CCTV) การเก็บรวบรวมข้อมูลทางเทคนิค กิจกรรมและรูปแบบการเข้าชม ข้อมูลประวัติการใช้งานเว็บไซต์ (Browsing) ของท่านโดยอัตโนมัติโดยใช้คุกกี้ (Cookies) และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน ทั้งนี้ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้ (Cookies Notice)” ของบริษัท
2.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ได้รับมาจากบุคคลภายนอก: บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลภายนอกเป็นครั้งคราว เช่น เว็บไซต์หางาน บริษัทตัวแทนจัดหางาน หรือเอกสารของบุคคลซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับท่านในฐานะที่ท่านเป็นบุคคลในครอบครัว บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน บุคคลอ้างอิง ผู้รับผลประโยชน์ หรือผู้ค้ำประกันการทำงานของบุคคลดังกล่าว เป็นต้น
ข้อ 3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทดำเนินการเก็บรวบรวมภายใต้ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ แบ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในประเภทดังต่อไปนี้
3.1 สำหรับผู้สมัครงาน
3.1.1 ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ วันเดือนปีเกิด อายุ สถานที่เกิด เพศ สถานภาพการสมรส เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน สัญชาติ ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน อัตราค่าจ้าง ส่วนสูง น้ำหนัก รูปถ่าย รวมถึงสำเนาเอกสารประกอบการพิจารณาคัดเลือกผู้สมัคร สำเนาวุฒิการศึกษา สำเนาเอกสารรับรองการผ่านอบรม (ถ้ามี) สำเนาหนังสือรับรองการผ่านงาน หรือสลิปเงินเดือนล่าสุด (ถ้ามี) การประเมินผลการสัมภาษณ์
3.1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เช่น ศาสนา เชื้อชาติ ข้อมูลสุขภาพ
3.1.3 ข้อมูลอื่น ๆ เช่น ประวัติส่วนตัว หรือข้อมูลอื่นใดที่ท่านได้มอบให้แก่บริษัท
3.2 สำหรับนักศึกษาฝึกงาน
3.2.1 ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ วันเดือนปีเกิด อายุ สถานที่เกิด เพศ สถานภาพการสมรส เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน สัญชาติ ประวัติการศึกษา ส่วนสูง น้ำหนัก รูปถ่าย สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
3.1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เช่น ศาสนา เชื้อชาติ
3.2.3 ข้อมูลอื่น ๆ เช่น ประวัติส่วนตัว (Resume Curriculum Vitae (CV)) หนังสือส่งตัวนักศึกษาฝึกงานจากมหาวิทยาลัย หรือข้อมูลอื่นใดที่ท่านได้มอบให้แก่บริษัท
3.3 สำหรับพนักงานและบุคลากรของบริษัท
3.3.1 ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ วันเดือนปีเกิด อายุ สถานที่เกิด เพศ สถานภาพการสมรส เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน สัญชาติ ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน อัตราค่าจ้าง ส่วนสูง น้ำหนัก รูปถ่าย สถานภาพทางทหาร
3.3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เช่น ศาสนา ข้อมูลสุขภาพ เชื้อชาติ ข้อมูลประวัติอาชญากรรม ข้อมูลลายนิ้วมือ
3.3.3 ข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงาน เช่น ตำแหน่งงาน สังกัด วันเริ่มงาน วันที่สิ้นสุดสภาพการเป็นพนักงาน รหัสพนักงาน อายุการทำงาน ค่าจ้างและผลตอบแทน ข้อมูลเกี่ยวกับภาษีอากร รายการหักลดหย่อนภาษี การประเมินศักยภาพการทำงาน ประวัติการมาทำงาน การหยุดและการลา การทำงานล่วงเวลา การฝึกอบรม ใบลาออก เหตุผลการลาออก การประเมินผลการทดลองงาน การประเมินผลการปฏิบัติงาน การปรับตำแหน่งงาน การแต่งตั้ง การโยกย้าย การเปลี่ยนตำแหน่งงาน การลงโทษทางวินัย หนังสือรับรองเงินเดือน หนังสืออายัดเงินเดือน
3.3.4 ข้อมูลเกี่ยวกับสวัสดิการและผลประโยชน์ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันสังคม กองทุนเงินทดแทน ประกันภัยกลุ่ม ใบรับรองแพทย์ การเบิกค่ารักษาพยาบาล ใบเสร็จรับเงิน ใบแจ้งหนี้
3.3.5 เอกสารที่เกี่ยวข้องต่อการบริหารงานทรัพยากรบุคคล เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาวุฒิการศึกษา สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี) สำเนาเอกสารรับรองการผ่านอบรม (ถ้ามี) สำเนาหนังสือรับรองการผ่านงาน หรือสลิปเงินเดือนล่าสุด (ถ้ามี) สำเนาใบผ่านเกณฑ์ทหาร (แบบ สด.43) สำเนาใบขับขี่ (เฉพาะพนักงานขับรถ) สำเนาหน้าบัญชีธนาคาร
3.3.6 ข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อมูลการบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิด (Closed-circuit television: CCTV) ภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหว รวมถึงทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับท่าน เช่น ยานพาหนะ เมื่อท่านเข้าไปในพื้นที่ภายในสถานที่ อาคาร หรือพื้นที่ใด ๆ ของบริษัท ผ่านระบบและอุปกรณ์กล้องวงจรปิด โดยจะติดตั้งอุปกรณ์กล้องวงจรปิด ภายในจุดสำคัญของอาคาร พื้นที่ต่าง ๆ อาทิเช่น ประตูทางเข้า โถงทางเดิน หน้าลิฟต์ เป็นต้น หรือการเก็บข้อมูลภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวจากการเข้าร่วมกิจกรรม การสัมมนาข้อมูลกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่บุคลากรเคยมอบให้แก่บริษัท เช่น ข้อมูลในใบสมัคร
3.4 สำหรับบุคคลที่สาม
บริษัทอาจได้รับข้อมูลบุคคลที่สามที่มีความเกี่ยวข้องกับท่าน เช่น ข้อมูลคู่สมรส ข้อมูลครอบครัว ข้อมูลบุคคลติดต่อฉุกเฉิน ข้อมูลบุคคลอ้างอิง หรือผู้รับผลประโยชน์จากสวัสดิการต่าง ๆ โดยท่านต้องได้รับความยินยอมและแจ้งให้บุคคลเหล่านี้ทราบถึงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้ก่อนการส่งมอบข้อมูลของบุคคลดังกล่าวให้แก่บริษัท เช่น ชื่อ นามสกุล ข้อมูลติดต่อ สำเนาเอกสารยืนยันตัวตนต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการจัดสรรสวัสดิการของบริษัท
หากในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data) บริษัทจะจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมและขอความยินยอมจากท่านก่อนการเก็บรวบรวม เว้นแต่จะมีกฎหมายยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมเอาไว้ เช่น การคุ้มครองแรงงาน ประกันสังคม ป้องกันระงับอันตรายต่อชีวิต ประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข การปฏิบัติตามกฎหมายหรือข้อยกเว้นอื่น ๆ ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
ข้อ 4. วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ (รวมเรียกว่า “วัตถุประสงค์ที่กำหนด”) และภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้
4.1 สำหรับผู้สมัครงาน
4.1.1 เพื่อให้บริษัท สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามวัตถุประสงค์ (Contract) เช่น เพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อสื่อสารเพื่อการนัดหมาย การสัมภาษณ์งาน และวัตถุประสงค์ในการพิจารณาตรวจสอบความเหมาะสมหรือคุณสมบัติของผู้สมัครงานในการจ้างงาน รวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์ในการพิจารณาและเสนอตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมอื่น ๆ การใช้และเปิดเผย ชื่อ นามสกุล และข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนาเอกสารแสดงตัวตนของกรรมการหรือบุคลากร เพื่อยืนยันตัวตนในฐานะผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทในการลงนามในสัญญา เอกสาร การจดทะเบียน การมอบอำนาจ รับมอบอำนาจ หรือการทำนิติกรรมใด ๆ ในนามของบริษัท ตลอดจนการใช้และเปิดเผยชื่อของกรรมการหรือบุคลากรในประกาศ แบบฟอร์ม หรือเอกสารอื่น ๆ ของบริษัทในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องของบริษัท
4.1.2 เพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่เกินขอบเขตที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) เช่น การบันทึกภาพวงจรปิด (CCTV) การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครงาน การตรวจสอบเอกสารยืนยันตัวตนของผู้สมัคร เป็นต้น
4.1.3 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (Vital Interest) และประโยชน์ทางด้านสาธารณะสุข เช่น ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เช่น การติดต่อฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อหรือโรคระบาด
4.1.4 ความยินยอม เมื่อบริษัทไม่สามารถอาศัยข้อยกเว้นหรืออ้างอิงฐานทางกฎหมายตามกรณีที่ระบุข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทจะขอความยินยอมเป็นการเฉพาะจากท่าน โดยบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งและที่ได้รับความยินยอมจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว บริษัทจะดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดหรือโดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน เช่น ปัญหาสุขภาพ ข้อมูลการต้องโทษคดีอาญา ข้อมูลผลการตรวจเชื้อโควิค เป็นต้น
4.2 สำหรับนักศึกษาฝึกงาน
4.2.1 เพื่อให้บริษัท สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามวัตถุประสงค์ (Contract) เช่น เพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อสื่อสารเพื่อการนัดหมาย การสัมภาษณ์ และวัตถุประสงค์ในการพิจารณาตรวจสอบความเหมาะสมหรือคุณสมบัติของผู้สมัครฝึกงาน การเข้าทำหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาฝึกงาน การตักเตือนหรือลงโทษทางวินัย
4.2.2 เพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่เกินขอบเขตที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) เช่น การบันทึกภาพวงจรปิด (CCTV) การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครฝึกงาน การตรวจสอบเอกสารยืนยันตัวตนของผู้สมัคร การบริหารจัดการด้านทรัพยากรบุคคล การเบิกค่าใช้จ่าย การจัดสรรสวัสดิการและผลประโยชน์ การจัดกิจกรรม สัมมนา จัดสิ่งอำนวยความสะดวก การฝึกอบรม เป็นต้น
4.2.3 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (Vital Interest) และประโยชน์ทางด้านสาธารณะสุข ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เช่น การติดต่อฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อหรือโรคระบาด
4.2.4 ความยินยอม (Consent) เมื่อบริษัทไม่สามารถอาศัยข้อยกเว้นหรืออ้างอิงฐานทางกฎหมายตามกรณีที่ระบุข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทจะขอความยินยอมเป็นการเฉพาะจากท่าน โดยบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งและที่ได้รับความยินยอมจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว บริษัทจะดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดหรือโดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน
4.3 สำหรับพนักงานและบุคลากร
4.3.1 เพื่อให้บริษัท สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามวัตถุประสงค์ (Contract) เช่น เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้นหรือเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี อาทิ การจ้างแรงงาน การขึ้นทะเบียนพนักงาน การเข้าทำหนังสือค้ำประกันการทำงาน การฝึกอบรม การประเมินผลการสัมภาษณ์หรือผลการปฏิบัติงาน การบันทึกเวลาทำงาน การลา การจ่ายค่าจ้าง การบริหารจัดการด้านภาษีอากร การตักเตือนหรือลงโทษทางวินัย การออกหนังสือรับรอง การบริหารจัดการสวัสดิการ บริหารจัดการด้านสุขภาพและความปลอดภัย เช่น การตรวจร่างกายประจำปี การฉีดวัคซีน การทำประกันสุขภาพ การทำประกันอุบัติเหตุแบบกลุ่ม การบริหารจัดการการลาออก การเกษียณอายุ การเลิกจ้าง เป็นต้น
การใช้และเปิดเผย ชื่อ นามสกุล และข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนาเอกสารแสดงตัวตนของกรรมการหรือบุคลากร เพื่อยืนยันตัวตนในฐานะผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท เฉพาะกรณีการลงนามในสัญญา เอกสาร การจดทะเบียน การมอบอำนาจ รับมอบอำนาจ หรือการทำนิติกรรมใด ๆ ในนามของบริษัท ตลอดจนการใช้และเปิดเผยชื่อของกรรมการหรือบุคลากรในประกาศ แบบฟอร์ม หรือเอกสารอื่น ๆ ของบริษัทในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องของบริษัท
4.3.2 เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือใช้บังคับ (Legal Obligation) หรือเพื่อการคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิตามกฎหมาย เช่น เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบริษัท หรือเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย อาทิ กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายประกันสังคม กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน กฎหมายภาษีอากร ตลอดจนการอายัดเงินเดือนหรือค่าตอบแทนอื่นใดตามหมายหรือคำสั่งของกรมบังคับคดี การจัดการเรื่องกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) การจัดทำทะเบียนลูกจ้าง การหักชำระภาษี การจัดตั้งคณะกรรมการสวัสดิการแรงงาน การปฏิบัติตามกฎหมายอื่น ๆ หรือการดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัท
4.3.3 เพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่เกินขอบเขตที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) เช่น การบันทึกภาพวงจรปิด (CCTV) การบริหารจัดการบุคลากร การเบิกค่าใช้จ่าย การจัดสรรสวัสดิการและผลประโยชน์ การเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ การจัดกิจกรรม การจัดสัมมนา จัดสิ่งอำนวยความสะดวก การฝึกอบรมพัฒนาทักษะความรู้ความสามารถ การทำสติกเกอร์จอดรถ เป็นต้น
4.3.4 เป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
4.3.5 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (Vital Interest) และประโยชน์ทางด้านสาธารณะสุข ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เช่น การติดต่อฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อหรือโรคระบาด
4.3.6 ความยินยอม (Consent) เมื่อบริษัทไม่สามารถอาศัยข้อยกเว้นหรืออ้างอิงฐานทางกฎหมายตามกรณีที่ระบุข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทจะขอความยินยอมเป็นการเฉพาะจากท่าน โดยบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งและที่ได้รับความยินยอมจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว บริษัทจะดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดหรือโดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน เช่น ข้อมูลการตรวจสุขภาพ ข้อมูลชีวภาพ (ลายนิ้วมือ) ประวัติอาชญากรรม
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทดำเนินการประมวลผลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดในข้อ 4.1 ข้างต้น ส่วนที่มีความเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามสัญญา การเข้าทำสัญญากับท่าน หรือการปฏิบัติตามกฎหมาย บริษัทมีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว โปรดทราบว่าหากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัท อาจมีผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือบริษัทอาจไม่สามารถให้บริการ หรือปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สัญญาที่ได้เข้าทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ (แล้วแต่กรณี)
ในกรณีที่บริษัท จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในวัตถุประสงค์ที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น บริษัทจะจัดให้มีประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) เพิ่มเติม เพื่ออธิบายการใช้ข้อมูลในวัตถุประสงค์ดังกล่าวและแจ้งให้ท่านทราบก่อน
ข้อ 5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ให้แก่หน่วยงานและบุคคลดังต่อไปนี้
5.1 หน่วยงานภายใน อาทิ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ผู้บริหาร ผู้บังคับบัญชา ฝ่ายบัญชี ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ
5.2 หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมาย อาทิ สำนักงานประกันสังคม กรมสรรพากร กระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมบังคับคดี กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือหน่วยงานที่อาจขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด และศาล เป็นต้น
5.3 หน่วยงานอื่น อาทิ นายจ้างใหม่ สถาบันฝึกอบรมภายนอก โรงพยาบาล บริษัทประกัน (สำหรับสวัสดิการของบริษัท) ผู้ตรวจสอบภายนอก ลูกค้า หรือหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ในกรณีที่บริษัท เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น บริษัทจะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผยและเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
ในกรณีที่บริษัท ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ บริษัท จะดำเนินการเพื่อทำให้แน่ใจว่าบริษัท ได้ส่งหรือโอนไปยังประเทศปลายทาง องค์กรระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศที่มีมาตรฐานในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ในบางกรณี บริษัทอาจขอความยินยอมของท่านสำหรับการถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
ข้อ 6. ระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์หรือตามระยะเวลา
ที่กฎหมายกำหนดดังต่อไปนี้ และภายหลังจากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการลบ ทำลาย ข้อมูลดังกล่าว
6.1 ข้อมูลผู้สมัครที่ไม่ได้รับคัดเลือก บริษัทจะจัดเก็บไว้เป็นระยะเวลา 2 ปีหลังจากการพิจารณาคัดเลือกเสร็จสิ้น
6.2 ข้อมูลพนักงานและบุคลากร บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลของท่านไว้ตลอดระยะเวลาของสัญญาจ้างแรงงาน และจัดเก็บต่อเป็นระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่พ้นสภาพการเป็นพนักงานหรือบุคลากรของบริษัท หรือตามระยะเวลาที่กฎหมายอื่นกำหนด หรือจัดเก็บต่อเพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบกรณีเกิดข้อพิพาทซึ่งอยู่ภายในอายุความตามกฎหมาย 10 ปี
ข้อ 7. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทได้มีการเลือกใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่มีกลไกและเทคนิคที่เหมาะสม และมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะพนักงาน ลูกจ้าง ของบริษัทที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้ เปิดเผย ทำลาย หรือเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
ข้อ 8. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิดังต่อไปนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ทั้งนี้ หากท่านประสงค์ที่จะขอใช้สิทธิของท่าน ท่านสามารถขอใช้สิทธิผ่าน “แบบคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject Right Request Form)” โดยท่านสามารถติดต่อบริษัทตามข้อมูลติดต่อข้อ 9
8.1 สิทธิขอเพิกถอนความยินยอม หากท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่เจ้าของข้อมูลให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ โดยบริษัทจะแจ้งถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการถอนความยินยอมดังกล่าวให้ท่านทราบ
8.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงหรือขอรับสำเนาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทรวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม ทั้งนี้บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำร้องขอ หากการเข้าถึงหรือขอรับสำเนานั้นส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือกรณีที่ท่านไม่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
8.3 สิทธิขอโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
8.4 สิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในเวลาใดก็ได้ หากเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สถิติ ทั้งนี้บริษัทสามารถปฏิเสธคำร้องขอได้หากเป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือกรณีที่บริษัทแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายสำคัญยิ่งกว่า หรือเพื่อก่อตั้ง การใช้สิทธิเรียกร้อง การปฏิบัติตามกฎหมาย
8.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเห็นว่าบริษัทไม่มีความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้น ทั้งนี้บริษัทอาจปฏิเสธคำร้องขอดังกล่าวหากข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านร้องขอให้ลบนั้นจำเป็นต้องเก็บรวบรวมตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการดำเนินการของบริษัท
8.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราว ในกรณีที่บริษัท อยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทไม่มีความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
8.7 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้องหากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หรือก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
8.8 สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน ในกรณีที่บริษัทมีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย
ข้อ 9. ช่องทางการติดต่อ
บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน)
เลขที่ 594 หมู่ที่ 4 ตำบลมะขามคู่ อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง 21180
โทรศัพท์ 033-017-345-7
อิเมล์ dpooffice@bjc1994.com